ถ้าเราขาดทุน แล้วจมอยู่กับการขาดทุนนั้น แล้วมาถอดใจขายหุ้นทิ้งตอนที่มันลงมามาก ๆ
ความเหนื่อยในการเอาคืน จะทวีคูณเป็นเส้นโค้งนะครับ
ตัวอย่างอธิบายดังภาพครับ
เช่น ถ้าเราปล่อยให้หุ้นร่วงไป 10% แล้วเราขายทิ้งตอนขาดทุน 10% เราก็จะมีเงินเหลือ 90 บาท ซึ่งการจะทำให้เงิน 90 บาท กลับคืนไป 100 บาทเท่าเดิม เราจะต้องทำกำไรจากเงินตั้งต้น 90 บาทให้ได้ 11.11% ถึงจะได้เงินเป็น 100 บาทเท่าเดิม แต่ถ้า..
ถ้าเราปล่อยให้หุ้นร่วงไป 50% แล้วเราขายทิ้งตอนขาดทุน 50%
เราก็จะมีเงินเหลือ 50 บาท ซึ่งการจะทำให้เงิน 50 บาท กลับคืนไป 100
บาทเท่าเดิม เราจะต้องทำกำไรจากเงินตั้งต้น 50 บาทให้ได้ 100%
ถึงจะได้เงินเป็น 100 บาทเท่าเดิม ..
เหนื่อยนะครับแบบนี้
สิ่งนี้มันจะเรียกว่า revocery after drawndown
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 5% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 5% แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 5.3% จึงจะมีเงิน 100 บาท คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 10% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 10%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 11.1% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 15% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 15%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 17.6% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 20% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 20%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 25% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 30% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 30%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 42.9% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 40% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 40%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 66.7% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 50% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 50%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 50% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม
ถ้ามีเงิน 100 บาท หุ้นลงไป 90% ตัดใจขายตอนที่ขาดทุน 90%
แล้วเอาเงินที่เหลือมาลงทุน จะต้องทำกำไรให้ได้ 900% จึงจะมีเงิน 100 บาท
คืนมาเหมือนเดิม!
Money Management ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Technical Analysis อย่าลืมละเลยนะครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น