วางแผงse-edทั่วประเทศ 8 กุมภาพันธ์ 2557

วางแผงse-edทั่วประเทศ 8 กุมภาพันธ์ 2557
หนังสือเล่มนี้ ศึกษาจริง เขียนจริง เทรดจริง เจ็บจริง สำเร็จได้จริง. หากไม่ได้อ่านเล่มนี้ อาจพลาดอีกแนวคิด.. ในการหาหุ้นพลิกชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สอนเทรดหุ้น สอนเล่นหุ้น ที่เชียงใหม่ สำหรับมือใหม่ และผู้ที่ต้องการศึกษา Technical Analysis

สอนเทรดหุ้น ที่เชียงใหม่ by Awesome Business Learning. Link รวมรายละเอียด ใน Webblog นี้

Link รวมรายละเอียดมีดังนี้

Awesome Business Learning สอนเทรดหุ้น ที่เชียงใหม่

ติดต่อ ABL ได้ที่ snilket@gmail.com หรือ 091-8500707
--------------------------

ABL สอนเล่นหุ้น เชียงใหม่. การรับรองเนื้อหาหลักสูตร รับรองผล เรียนซ้ำฟรี 

1. ผลงานการเทรดของผู้สอนที่ผ่านมา
2. ผู้สอนศึกษาเรื่องการวิเคราะห์หุ้นจากที่ใดมา สอบผ่าน license ใด ๆ เกี่ยวกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์สายกราฟหรือไม่? 
3. ผลงานด้านวิชาการ
4. นโยบายการเรียนซ้ำ
http://supapongnilket.blogspot.com/2014/05/blog-post.html

---------------------

คอร์ส Investing in Financial Market 101 [IFM101] สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน. เรียนที่ เชียงใหม่

----------------------------

ชั้นเรียนวิเคราะหุ้น Technical Analysis by ABL. สอนเล่นหุ้น เชียงใหม่

--------------------

ทำความรู้จัก Awesome Business Learning . สอนเล่นหุ้น เชียงใหม่

http://supapongnilket.blogspot.com/2014/04/awesome-business-learning.html

-------------------

ทำความรู้จัก สุภาพงษ์ นิลเกษ. ผู้ก่อตั้ง และ อาจารย์สอน Technical Analysis ของ ABL.


--------------------------

ผลงานเขียน ของ สุภาพงษ์ นิลเกษ อาจารย์สอน Technical Analysis ของ ABL 

--------------------

แผนที่ Awesome Business Learning

--------------------

ผลงานทางโทรทัศน์ สุภาพงษ์ นิลเกษ. ผู้สอน Technical Analysis ของ ABL 


---------------------------


---------------------------

สิ่งอำนวยความสะดวกใน ABL + แผนที่ร้านอาหารกลางวัน, ร้านกาแฟ รอบ ABL

http://supapongnilket.blogspot.com/2014/05/abl.html



วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

การทำ Back Test อย่างง่าย เบื้องต้น โดยใช้โปรแกรม Efinance Thai

เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับน้องคนหนึ่ง ที่ได้อ่านหนังสือของผม น้องบอกว่า ใช้ ema 5 ตัดกับ ema 10 ในการซื้อขาย [กราฟรายวัน] ผมก็พยายามอธิบาย แต่ตอนนั้น ไม่เห็นภาพชัดเจน ว่าน้องอาจจะไม่ได้กำไร และ อาจเสียค่าคอมเยอะมากเพราะซื้อขายเยอะมาก ยกเว้นว่าตอนนั้นน้องเจอหุ้นที่มีเทรนขาขึ้นอยา่งรุนแรงจริง ๆ ที่ ema 5 ตัด ema 10 ขึ้นไปตูมเดียวแล้วพุ่งขึ้นไปเลย

ที่อธิบายไม่สะดวก เพราะว่าตอนนั้นอยู่ในร้านอาหาร อธิบายไม่ถูก ไม่มีคอม ไม่มีไวไฟ และเพลงเสียงดังรวมไปถึงเบียร์ช้าง export รสนุ่มลิ้นเหลือเกิน

ผมเลยเขียนบทความนี้ขึ้นมา อธิบายเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย ว่ามันมีวิธีทำ Back Test อย่างง่าย และใช้โปรแกรมฟรีอยู่

วิธีนี้ ใช้ผ่านโปรแกรม e finance thai ได้ ซึ่งเป็นโปรแกรมกราฟที่คนไทยเข้าหาได้ง่ายและฟรี และเทรดเดอร์หลายคน ก็ใช้โปรแกรมนี้ทำกำไรจากหุ้นได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ถ้าเขาเข้าใจในระบบและเครื่องมือที่เขาใช้อย่างถ่องแท้

เริ่มกันเลยครับ สำหรับ Back Test เบื้องต้น

สมมุติเราตั้งโจทย์ว่า เราอยากรู้ว่า ถ้าเราใช้ 

- ema 11 ตัดกับ ema 21 ในกราฟวีค 
- ema 11 ตัด 21 ขึ้น ให้ซื้อ
- ema 11 ตัด 21 ลงมา ให้ขาย
แล้วรอใหม่ ให้ ema 11 ตัด 21 ขึ้นอีกครั้ง ค่อยซื้อ [ ไม่ใช่ TFEX ที่เปิด S เปิด L ที่ทำกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลงทุก crossover]
- ใช้กับ SET ตั้งแต่ วันที่ 3 เดือน 5 ปี 2550 จนถึง ณ ปัจจุบัน

ตามเงื่อนไขนี้ จะเกิดการซื้อขายกี่ครั้ง และได้กำไร ขาดทุน เป็นอย่างไร?

โอเค เราก็ตั้งกราฟของเรา ให้มีราคาของ SET, ปรับ time frame ให้เป็น week และให้มี ema11(เส้นเขียว) cross over กับ ema 21(เส้นแดง) ตามภาพ ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้เป็นปกติ

ภาพที่ 1 : ema 11 cross over ema 21 ในกราฟรายสัปดาห์

ต่อมา เราก็หาคำสั่ง Simulate ที่ Efin มี มันจอยู่ icon ที่ 2 มุมขวามือ แล้วกดตาม 4 ขั้นตอนตามภาพ
ภาพที่ 2 : การเพิ่มคำสั่ง Simulate Indicators


พอกดคำสั่ง Add to Active panel เสร็จ โปรแกรมก็จะขึ้น S (sell), B (buy) มาให้อัติโนมัติ ตามจุด crossover

                                                               ภาพที่ 3 : Simulation คำสั่่ง Sell, Buy อัตโนมัติ

พอได้แล้ว เราก็กดคลิกขวาตรงจอกราฟ แล้วคำสั่งให้ Simulate มันจะขึ้นมา



จากนั้น โปรแกรมจะคำนวณค่าที่ได้จากการเทรดจำลองขึ้นมา ตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ข้างต้นว่า
- ema 11 ตัดกับ ema 21 ในกราฟวีค 
- ema 11 ตัด 21 ขึ้น ให้ซื้อ
- ema 11 ตัด 21 ลงมา ให้ขาย
แล้วรอใหม่ ให้ ema 11 ตัด 21 ขึ้นอีกครั้ง ค่อยซื้อ [ ไม่ใช่ TFEX ที่เปิด S เปิด L ที่ทำกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลงทุก crossover]
- ใช้กับ SET ตั้งแต่ วันที่ 3 เดือน 5 ปี 2550 จนถึง ณ ปัจจุบัน
ก็ได้จะได้ตามภาพด้านล่าง


แปลผลจากตาราง

จำนวนการเทรดที่เกิดขึ้น (ซื้อและขาย) จำนวน 4 ครั้งตามเงื่อนไข
- ema 11 ตัดกับ ema 21 ในกราฟวีค 
- ema 11 ตัด 21 ขึ้น ให้ซื้อ
- ema 11 ตัด 21 ลงมา ให้ขาย
แล้วรอใหม่ ให้ ema 11 ตัด 21 ขึ้นอีกครั้ง ค่อยซื้อ [ ไม่ใช่ TFEX ที่เปิด S เปิด L ที่ทำกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลงทุก crossover]
- ใช้กับ SET ตั้งแต่ วันที่ 3 เดือน 5 ปี 2550 จนถึง ณ ปัจจุบัน

ผลที่ได้คือ

Win Trades แปลว่า ใน 4 ครั้งนี้ ได้กำไร 2 ครั้ง 

Loss Trades แปลว่า ใน 4 ครั้งนี้ ขาดทุน 2 ครั้ง

Profit(%) แปลว่า เทรดที่ได้กำไร 2 ครั้ง กำไรรวมกัน 121.24% (79.46% + 41.78%)

AvgProfit(%) แปลว่า ที่เทรดได้กำไร 2 ครั้ง เอากำไรมาเฉลี่ยกัน จะได้กำไรเฉลี่ยครั้งละ 60.62%  (121.24 / 2)

Loss(%) แปลว่า เทรดที่ขาดทุน 2 ครั้ง ขาดทุนรวมกัน -14.03% (-6.60% รวมกับ -7.42%)

AvgLoss(%) แปลว่า ที่เทรดขาดทุน 2 ครั้ง เอาขาดทุนมาเฉลี่ยกัน จะขาดทุนเฉลี่ยครั้งละ -7.01% (-14.03%/2)

P/L(%) แปลว่า เทรด 4 ครั้ง เอากำไร ขาดทุน ทุกครั้ง มารวมกัน ก็ยังได้กำไรอยู่ 107.21%  (121.24% - 14.03%)

Avg P/L แปลว่า เอากำไร ขาดทุน ของการเทรดทั้ง 4 ครั้ง มาเฉลี่ยกัน ตกแล้ว เทรดสี่ครั้งจะ กำไร/ขาดทุน เฉลี่ยครั้งละ 26.8% (กำไร 26.8%) มาจาก [(79.46 + 41.78 - 6.6 - 7.42)/4]

จากตัวอย่าง เป็น Back Test เบื้องต้น(มาก) ใครจะลองทำกับ EMA กี่ bar ใน time frame วัน หรือ สัปดาห์ หรือปี ยังไงลองเอาไปใช้กันดูได้ นอกจากนี้ ยังทำ Back Test กับ RSI Sto ได้อีกด้วย ซึ่งโปรแกรมระดับ advance จะมีการใส่ค่าคอมมิชชั่น และแปลออกมาเป็น ratio ต่าง ๆ ที่ซับซ้อนกว่านี้

ถ้าใครอยากทราบว่า เทรดกราฟรายวัน เทียบกับรายสัปดาห์ แล้วจุดซื้อขาย มันมาก-น้อยต่างกันอย่างไร และมีกำไร/ขาดทุน ต่างกันอย่างไร ก็ลองเอาเปรียบเทียบกันดู ตามระบบของตัวเองได้

ใครอยากศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ผมแนะนำหาซื้อหนังสือ"Money Management" + cd ของพี่มด แมงเม่าคลับ ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีขายอยู่ไหม เล่มนี้ ดีมากครับ 

Enjoy Trading ครับ

-----------

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สุภาพงษ์ นิลเกษ Supapong Nilket คือใคร? หนังสือ หุ้นพลิกชีวิต


บทความนี้ พิมพ์ไว้เผื่อมีผู้สนใจ พิมพ์ชื่อผม สุภาพงษ์ นิลเกษ คือใคร? ลงใน google ก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือครับ

ผู้แต่ง สุภาพงษ์ นิลเกษ supapong nilket

facebook fan page หนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" https://www.facebook.com/enjoytradingbook

facebook ที่ใช้พูดคุยกับเกี่ยวเรื่องหุ้น : https://www.facebook.com/baybridge.academy

e-mail : snilket@gmail.com

เบอร์ติดต่อ : 091-850-0707

การศึกษาระดับประถม, มัธยม : โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่.

การศึกษาปริญญาตรี จิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

การศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

การศึกษาระดับ post baccalaureate : California State University, East Bay สาขา International Business.

การศึกษาสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยเทคนิค : chartered market  technician level 1 ของ สมาคม market technicians association (MTA) New York, USA.

----------------------------------------------

ผลงานหนังสือ :
เล่ม 1 : หนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" โดยสำนักพิมพ์ซีเอ็ด วางแผงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557  https://www.se-ed.com/product/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.aspx?no=9786160818488

ISBN: 9786160818488 (ปกอ่อน) 264 หน้า
ขนาดรูปเล่ม: 145 x 210 x 20 มม.
น้ำหนัก: 420 กรัม
เนื้อในพิมพ์: สี่สีในเล่ม
ชนิดกระดาษ: กระดาษปอนด์
สำนักพิมพ์: ซีเอ็ดยูเคชั่น, บมจ.
เดือนปีที่พิมพ์: 2/2014

-------------------------------------------------
ตัวอย่างหนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" 19 หน้า (file pdf ลิขสิทธิ์ถูกต้อง โดย se-ed)
https://se-edws.se-ed.com/Storage/PDF/978616/081/9786160818488PDF.pdf

-------------------------------------------------

อาชีพปัจจุบัน : 
  •  เปิดสถาบันฝึกอบรมการเทรดหุ้นด้วยปัจจัยเทคนิค, ศาสตร์ความรู้อื่น ๆ ด้านบริหารธุรกิจ "Awesome Business Learning" ที่จ.เชียงใหม่และรับสอนผ่านออนไลน์ (skype, youtube, etc.) https://www.facebook.com/awesomebusinesslearning   หรือ www.supapongnilket.blogspot.com
  • นักลงทุน
  • เทรดเดอร์อิสระ
--------------------------------------------------
ผลงานทางโทรทัศน์ : 

1.ออกรายการ take me out thailand ในวันที่ 5 มกราคม 2556 ในหมวดสาขาอาชีพ นักลงทุน เทรดเดอร์

link take me out คลิปที่ 1


 take me out ยิ้ม สุภาพงษ์ นิลเกษ คลิปที่ 2 http://www.youtube.com/watch?v=K7H4p-5mneU

2. ออกรายการ "มือใหม่" ช่อง Money Channel (มี 4 คลิป รวม 20 นาที)


----------------------------------------------------------------
สื่อหนังสือพิมพ์ : ลงหนังสือพิมพ์ เชียงใหม่นิวส์ ฉบับวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557 อ่านรายละเอียดฉบับออนไลน์ได้ที่ http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=290170






อันดับหนังสือหลังจากวางขายได้ 3 สัปดาห์ : #1 Best Seller หนังสือขายดีราย 7 วัน ในหมวดบริหารธุรกิจ ของร้านหนังสือ SE-ED ทั่วประเทศ



ถึงแม้จะเป็นหนังสือเฉพาะกลุ่ม เจาะลึกเกี่ยวกับวิเคราะห์หุ้นสายกราฟ
 แต่ก็ยังขึ้นอันดับ 4 Overall หนังสือขายดีของ SE-EDได้


ผ่านไปสองเดือนหลังวางขาย ก็ยังขึ้นเป็นหนังสือแนะนำ ที่ร้าน se-ed อยู่
เดือนพฤษภาคม ห้องสมุดมารวย สาขาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บรรจุหนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" เข้าในหมวด Investment Knowledge - Investment Tools
อุทยานการเรียนรู้ ห้องสมุด TK park นำหนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" เป็นหนังสือแนะนำ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่เพียงแต่มีวางขายที่ซีเอ็ด ร้านขายหนังสือชั้นนำอื่น ๆทั่วประเทศ ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีในการนำวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน

---------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณ เสียงตอบรับ คำวิจารณ์ ข้อชี้แนะ หนังสือ หุ้นพลิกชีวิต จากผู้อ่าน ผ่าน Social Media ต่าง ๆ
















ข้อความรีวิวหนังสืออื่น ๆ เพิ่มเติมจากผู้อ่าน โปรดเข้า https://www.facebook.com/media/set/?set=a.797688166911109.1073741831.787377334608859&type=3
ภาพบรรยากาศการแจกลายเซ็น ที่บูธซีเอ็ด งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2557


ถ่ายภาพกับทีมงาน SE-ED ที่เหนื่อยมาด้วยกัน และฉลองยอดขายพิมพ์ครั้งแรก เกือบหมดใน 2 เดือน ตอนนี้พิมพ์ครั้งที่สาม และกระจายสู่ร้านขายหนังสือทั่วประเทศอีกครั้งแล้ว
ภาพบรรยากาศการเสวนา งาน Book Party#2
เดือนกรกฏาคม 2557


วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

เฉลยที่มาว่า ทำไมเราโดนดึงเข้ากลุ่มขายของ fb บ่อย ๆ โดยที่เราไม่ได้กดเข้าไป

สวัสดีครับ

บทความนี้ไม่เกี่ยวกับหุ้นครับ แต่ที่เขียน เพราะจะได้แชร์ความรู้ใครเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทราบว่า ที่จู่ ๆ ชื่อเราไปโผล่ในกลุ่ม ขายตรง ขายยาผิวขาว ผงละลายน้ำ แข็ง ใหญ่ ยาว คนพวกนี้มีวิธีการยังไงที่เอาเราดึงเข้าไปเลย ผมเจอวิธีนี้โดยบังเอิญครับ วัยรุ่นมาอ่าน อาจจะรู้แล้ว แต่คนที่วัน ๆ ใช้แต่ facebook ไม่ได้หวังจะได้ยอดอะไร อาจจะยังไม่ทราบวิธี ส่วนบทความหุ้น ปลายเดือนนี้สามารถเริ่มเขียนได้ตามปกติครับ

ลองดูจำนวนคนในกลุ่มที่โดนดึงดูกัน กลุ่มหนึ่ง คนเข้าไปเป็นสี่แสน ห้าแสน บางกลุ่ม ยอดทะลุไปหนึ่งล้านห้าแสนคน!


ผมก็สงสัยมานานแล้ว จนที่สุด ก็เริ่มมีตัวเฉลยออกมา
สังเกตุว่า กลุ่มเหล่านี้ จะตั้งชื่อว่า กลุ่มปั้มยอด follow นั่นคือ สมาชิกส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น ซึ่งวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับ หากใครได้ยอด follow เยอะ แสดงว่า เขาเป็นคนที่สังคมยอมรับ และติดตาม (ก็เป็นหลักจิตวิทยาทั่วไป ตามที่เรียนกันมาในจิตวิทยาพัฒนาการ) พอเหยื่อได้เข้ามาในกลุ่มนี้ปุ๊บ เขาก็จะมีเครื่องมือที่บอกว่า เหยื่อสามารถเพิ่มจำนวนคน follower ได้นะ โดยเอา code นี้ ไปแปะไว้ที่หน้าเฟสบุ๊คคุณสิ กด f12 แล้ว copy paste ได้เลย ตามที่มีบอก มีแม้กระทั่งสอนใน youtube


ผมก็คิดตามนิสัยถาวรของเทรดเดอร์ ว่าโลกนี้ มันไม่มีอะไรฟรี มันเป็นไปไม่ได้ แต่เอา code นี้มาใส่แล้ว จะได้คนมา follow facebook เราเลย

ยิ่งการแปะโค้ด ก็ยิ่งง่ายแสนง่าย เปิด facebook หน้าเรา กด f12 ไปที่ส่วน console แล้ว copy code มา paste ใส่ กด enter code ก็ activate

ผมเลยเอาโค้ดบรรทัดแรก "var fb_dtsg = document.getElementsByName('fb_dtsg')[0].value;" ไป search ใน google ดู ว่าตกลง มันคือ code อะไร

ปรากฏว่า... มันคือ code ที่ ใครใช้แล้ว จะดึงเพื่อนใน contact ที่มี เข้ามาในกลุ่มนั้น โดยอัตโนมัติ...

สรุป จากที่อยากจะมี follower เยอะ ๆ ดันต้องกลายเป็นพาหะเสียเอง

ดังนั้น.. ถ้าเราโดนดึงเขาไปในกลุ่มแปลก ๆ ให้รู้ได้เลยว่า มีเพื่อนของเราบางคน อยากได้ follower เยอะ ๆ เขาจึงเป็นพาหะไม่รู้ตัว โดยการเผลอใช้ code นี้ ดึงเราเข้ากลุ่มแปลก ๆ เหล่านี้ครับ พอคนในกลุ่มเยอะเข้า ๆ กลุ่มเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนชื่อจากกลุ่มหาเพื่อน กลายเป็นกลุ่มขายของไปในที่สุด

ซึ่งนี่ ก็เป็นเพียงวิธีหนึ่งจากหลายพันวิธี ที่ใช้ดึงคนเข้าไปในกลุ่ม


วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การใช้ triangular moving average เพื่อยืนยันภาวะหมี-กระทิงของหุ้น



ขออภัยเป็นอย่างสูง
บทความนี้ถูกโอนย้ายเป็นลิขสิทธิ์ของ สนพ. se-ed แล้ว ท่านสามารถติดตามบทความนี้ได้ จากหนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต" วางขาย se-ed ทั่วประเทศ เริ่มเดือน กุมภาพันธ์ 2557 นี้

ขอบคุณครับ
สุภาพงษ์ นิลเกษ
ผู้เขียนบทความ / ผู้แต่งหนังสือ "หุ้นพลิกชีวิต"


วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เครื่องมือทางเทคนิค ที่วอร์แรน บัฟเฟตใช้!?


ถ้าจะลงทุนหุ้น ไม่มีใครไม่รู้จักวอร์แรน บัฟเฟต จะลงทุนสายกราฟ สายวีไอ ยังไงก็ต้องมีหนังสือของเขา ที่แปลเป็นภาษาไทยอยู่หลายเล่ม ผมคงไม่ต้องสาธยายอะไรมากเกี่ยวกับความอัจฉริยะของบุคคลคนนี้ ก่อนที่ผมจะมาสายเทคนิค ผมก็ได้อ่านหนังสือ ได้ข้อคิดดี ๆ จากท่านหลายอย่างเช่นกัน

มุมมองของคำว่า การวิเคราะห์หุ้นด้วยกราฟของกลุ่มนักเล่นหุ้นสายวีไอ จากประสบการณ์ที่ผมได้ยินมา เขาก็ยังไม่เชื่อในกราฟวันยังค่ำ เพราะเขาเชื่อในการคำนวณราคาที่แท้จริงของหุ้นมากกว่า เอาเถอะครับ ความเชื่อใคร ความเชื่อมัน ของแบบนี้ เราไม่ก้าวก่ายกัน  อันไหน ทำแล้วได้เงิน เอาเงินไปช่วยเหลือสังคม ทำไปเถอะครับ ดีหมด

ท่านที่เป็นสาย วีไอเข้ามาอ่านบทความนี้ คงคิดว่าผมบ้าหรือเปล่า ที่ทำบทความเรื่องนี้ เพราะสายวีไอ เขาแทบจะไม่ดูกราฟกัน เขาดูอย่างอื่นตามวิชาของเขา ซึ่งจุดประสงค์การเขียนบทความนี้ ผมไม่ได้ยกสายกราฟ มาเทียบกับสายวีไอ ผมแทบจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ทราบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนระดับโลก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายวีไอ ครั้งหนึ่งเขาเคยชายตามาใช้เครื่องมือเทคนิค

วอร์แรน บัฟเฟต เป็นนักลงทุนระยะยาว ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ ก็เป็นเครื่องมือทางเทคนิคระยะยาวเช่นกัน

ซึ่งถ้าเรื่องเครื่องมือทางเทคนิคอะไรที่เกี่ยวกับการใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน ก็ต้องเป็นเรื่องของ วัฏจักร (cycle) เช่น (Kondratiev waves K-wave) ซึ่งคิดค้นโดย  Nicolas D. Kondratieff ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในรัสเซีย ซึ่งเครื่องมือนี้ ไม่ปรากฏว่า วอร์แรนต์ บัฟเฟต นำมาใช้ แต่จะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรยาว ๆ

เครื่องมือนี้ เป็นวัฏจักรระยะยาวมาก ใช้เวลาประมาณ 50-60 ปี กว่าจะจบรอบของมัน ตามตัวอย่างดังภาพ ซึ่งถ้าทฤษฏีนี้เป็นจริง เศรษฐกิจอเมริกา ก็กำลังจะอยู่ในขาลงตามภาพ

ภาพจาก http://www.kondratieffwavecycle.com/images/kondratieff-wave2.jpg





จากการยกตัวอย่าง K-wave ที่ใช้วัฏจักรยาว ๆ ไปแล้ว คราวนี้ มาวัฏจักรยาวน้อยกว่าเดิมดูบ้าง (ผมคิดว่ายังยาวอยู่สำหรับมนุษย์ธรรมดาแบบผม แต่เทพอย่าง วอร์แรนบัฟเฟต คิดว่าคงปานกลางสำหรับเขา เขาจึงเอาเครื่องมือทางเทคนิคนี้มาใช้)
เครื่องมือนี้ เรียกว่า “34-YEAR Historical Cycles” ซึ่งเครื่องมือ ปรากฏอยู่ในหนังสือ “Common Stocks as Long-Term Investments” แต่งโดย Edgar Lawrence  ปี 1928 ที่ วอร์แรน บัฟเฟต กล่าวไว้ว่า หนังสือ “Common Stocks as Long-Term Investments” นี้ เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดการลงทุนของเขาอีกเล่มหนึ่ง

เรามาดูกันถึงแนวคิดของ “34-YEAR Historical Cycles” ที่หนังสือของ Charles D. Kirkpatrick II และ Julie R. Dahlquist นำมาเรียบเรียงอีกครั้ง ตามภาพ

ภาพจากหนังสือ Charles D. Kirkpatrick II และ Julie R. Dahlquist

แนวคิดของเครื่องมือ “34-YEAR Historical Cycles” นี้คือ ตลาดจะ sideway หรือ ขึ้นลง แต่ไม่รุนแรง (Volatility ต่ำ) ไปเป็นเวลาราว ๆ 16.5-17.5 ปี และ จะขึ้นลง อย่างรุนแรง(Volatility สูง) ไปเป็นเวลาอีก 16.5-17.5 ปี สลับกันไปเรื่อย

แต่วอร์แรน บัฟเฟต ไม่ได้เอาเครื่องมือนี้มาใช้กับหุ้นครับ เขาเอามาใช้กับ interest rate, corporate profits, investor confidence ซึ่งถ้าท่านเชื่อในแนวคิดนี้ มันก็มี commodity หลายตัว ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ครั้งละหลายปี ซึ่งมันอาจจะกลับมาเป็นขาขึ้นขาลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีนี้ก็ได้ ก็สามารถนำความเชื่อนี้ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือที่เกี่ยวกับวัฏจักรอีก เช่น วัฏจัก 10 ปี 4 ปี เป็นต้น

พบกันใหม่ ในบทความหน้า

Enjoy Trading ครับ



 

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สถิติที่มาของ "Sell in May and go away"

**TAKE YOUR OWN RISK**

สวัสดีครับ ตอนแรกต้องขอโทษที่อาทิตย์ก่อนไม่ได้เขียนบทความครับ พอดี ดำดิ่งลงไปในหนังสือหุ้นเยอะไปหน่อย

หลายท่านคงได้ยินเพื่อน หรือ นักวิเคราะห์ พูดกันในทีวี ว่า "Sell in May and go away" คือ ให้ขายเดือนพฤษภา เพราะส่วนมาก หุ้นจะร่วงในช่วงนั้น ด้วยปัจจัยต่าง ๆ

เราเป็นนักวิเคราะห์สายกราฟ เราต้องเชื่อในตัวเลข ดังนั้น ผมจึงไปหาสถิติที่มาของวลี "Sell in May and go away"  ซึ่งได้มาตามภาพดังนี้ครับ

ภาพสถิติ การขึ้น ลง ของ ดาวโจนส์ ในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ


จากด้านบน จะเป็นภาพสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับการขึ้น ลง ของดาวโจนส์ ในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ซึ่งรวบรวมโดย Stock Almanac Team ซึ่งอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่า

หากนำเงินไปลงทุนในดาวโจนส์ สมมุติให้ดาวโจนส์เป็นหุ้นตัวหนึ่ง แล้วตีเป็นเงินลงทุนก้อนแรก10,000$

ลงทุนประเภทที่ 1 : ซื้อในวันที่ 1 May แล้วไปขายในวันที่ 31 Oct แล้วเอาเงินที่ได้จาก 31 Oct ปีนี้ ไปซื้อหุ้นอีกครั้งในวันที่ 1 May ปีหน้า ซื้อ 1 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง ต่อปี ไปเรื่อย ๆ ผ่านไป 57 ปี เงินจะเหลือ 6,488$ (จากเงินตั้งต้น 57 ปีก่อน ที่ 10,000$)

ลงทุนประเภทที่ 2 : ซื้อในวันที่ 1 November ปีนี้ แล้วไปขายในวันที่ 30 April ของปีหน้า แล้วเอาเงินที่ได้จาก 30 April ไปซื้อหุ้นอีกครั้งในวันที่ 1 November ซื้อ 1 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง ไปเรื่อย ๆ ผ่านไป 57 ปี เงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,722,490$ (จากเงินตั้งต้น 57 ปีก่อน ที่ 10,000$)

จุดประสงค์การเขียนบทความนี้ ไม่ได้ให้ท่านขายหุ้น ในวันที่ 31 เมษายน แต่เป็นเพียงการนำสถิติมาอ้างอิงถึงวลี "Sell in May and go away" ซึ่งเป็นการวิจัยจากหุ้นต่างประเทศ ไม่ใช่การวิจัยจากหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทย มีห้าร้อยกว่าตัว มีทั้งหุ้นที่ตาม SET, หุ้นไม่ตาม SET ดังนั้น ก็ขอให้เลือกหุ้น ตามระบบที่เหมาะกับตัวท่านที่สุด

Enjoy Trading ครับ