สวัสดีครับ ตอนแรกต้องขอโทษที่อาทิตย์ก่อนไม่ได้เขียนบทความครับ พอดี ดำดิ่งลงไปในหนังสือหุ้นเยอะไปหน่อย
หลายท่านคงได้ยินเพื่อน หรือ นักวิเคราะห์ พูดกันในทีวี ว่า "Sell in May and go away" คือ ให้ขายเดือนพฤษภา เพราะส่วนมาก หุ้นจะร่วงในช่วงนั้น ด้วยปัจจัยต่าง ๆ
เราเป็นนักวิเคราะห์สายกราฟ เราต้องเชื่อในตัวเลข ดังนั้น ผมจึงไปหาสถิติที่มาของวลี "Sell in May and go away" ซึ่งได้มาตามภาพดังนี้ครับ
ภาพสถิติ การขึ้น ลง ของ ดาวโจนส์ ในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ
จากด้านบน จะเป็นภาพสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับการขึ้น ลง ของดาวโจนส์ ในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ซึ่งรวบรวมโดย Stock Almanac Team ซึ่งอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่า
หากนำเงินไปลงทุนในดาวโจนส์ สมมุติให้ดาวโจนส์เป็นหุ้นตัวหนึ่ง แล้วตีเป็นเงินลงทุนก้อนแรก10,000$
ลงทุนประเภทที่ 1 : ซื้อในวันที่ 1 May แล้วไปขายในวันที่ 31 Oct แล้วเอาเงินที่ได้จาก 31 Oct ปีนี้ ไปซื้อหุ้นอีกครั้งในวันที่ 1 May ปีหน้า ซื้อ 1 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง ต่อปี ไปเรื่อย ๆ ผ่านไป 57 ปี เงินจะเหลือ 6,488$ (จากเงินตั้งต้น 57 ปีก่อน ที่ 10,000$)
ลงทุนประเภทที่ 2 : ซื้อในวันที่ 1 November ปีนี้ แล้วไปขายในวันที่ 30 April ของปีหน้า แล้วเอาเงินที่ได้จาก 30 April ไปซื้อหุ้นอีกครั้งในวันที่ 1 November ซื้อ 1 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง ไปเรื่อย ๆ ผ่านไป 57 ปี เงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,722,490$ (จากเงินตั้งต้น 57 ปีก่อน ที่ 10,000$)
จุดประสงค์การเขียนบทความนี้ ไม่ได้ให้ท่านขายหุ้น ในวันที่ 31 เมษายน แต่เป็นเพียงการนำสถิติมาอ้างอิงถึงวลี "Sell in May and go away" ซึ่งเป็นการวิจัยจากหุ้นต่างประเทศ ไม่ใช่การวิจัยจากหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทย มีห้าร้อยกว่าตัว มีทั้งหุ้นที่ตาม SET, หุ้นไม่ตาม SET ดังนั้น ก็ขอให้เลือกหุ้น ตามระบบที่เหมาะกับตัวท่านที่สุด
จุดประสงค์การเขียนบทความนี้ ไม่ได้ให้ท่านขายหุ้น ในวันที่ 31 เมษายน แต่เป็นเพียงการนำสถิติมาอ้างอิงถึงวลี "Sell in May and go away" ซึ่งเป็นการวิจัยจากหุ้นต่างประเทศ ไม่ใช่การวิจัยจากหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทย มีห้าร้อยกว่าตัว มีทั้งหุ้นที่ตาม SET, หุ้นไม่ตาม SET ดังนั้น ก็ขอให้เลือกหุ้น ตามระบบที่เหมาะกับตัวท่านที่สุด
Enjoy Trading ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น